ประกาศความเป็นส่วนตัวเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Notice)


  1. • ประกาศความเป็นส่วนตัวเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Notice) สำหรับลูกค้า
  2. • ประกาศความเป็นส่วนตัวเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Notice) สำหรับผู้รับเหมา / ผู้รับจ้าง
  3. • ประกาศความเป็นส่วนตัวเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Notice) สำหรับผู้ปฏิบัติงาน
  4. • ประกาศความเป็นส่วนตัวเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Notice) สำหรับผู้มาติดต่อ บุคคลภายนอก
  5. • ประกาศความเป็นส่วนตัวเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Notice) สำหรับกล้องวงจรปิด
  6. • ประกาศความเป็นส่วนตัวเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Notice) สำหรับผู้สมัครฝึกงาน นักศึกษาฝึกงาน

ประกาศความเป็นส่วนตัวเเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Notice) สำหรับผู้รับเหมา / ผู้รับจ้าง

  • บริษัท นิปปอน เอ็กซ์เพรส เอ็นอีซี ลอจิสติกส์ (ประเทศไทย) จำกัด (ซึ่งต่อไปในประกาศนี้ เรียกว่า “บริษัท”) ตระหนัก และให้ความสำคัญกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของผู้รับเหมา/ผู้รับจ้าง และถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัด ในเรื่องการเคารพสิทธิความเป็นส่วนตัวของผู้รับเหมา/ผู้รับจ้างเป็นสำคัญ

  • คำประกาศเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัว (“ประกาศ”) ฉบับนี้จึงถูกจัดทำขึ้นเพื่อให้ท่านในฐานะผู้รับเหมา/ผู้รับจ้าง ได้ทราบและเข้าใจรูปแบบ วัตถุประสงค์ วิธีการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผย (รวมเรียกว่า “ประมวลผล”) ข้อมูลส่วนบุคคลรวมทั้งสิทธิต่าง ๆ ของท่านภายใต้พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562

  • ทั้งนี้ การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามวัตถุประสงค์ในประกาศนี้ บริษัทดำเนินการในฐานะผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล (Data Controller) ซึ่งหมายความว่า บริษัทเป็นผู้มีอำนาจหน้าที่ตัดสินใจเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล บริษัทขอแนะนำให้ท่านอ่านและทำความเข้าใจถึงข้อกำหนดต่าง ๆ ภายใต้ประกาศ ฯ โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้

  • “ข้อมูลส่วนบุคคล” หมายความว่า ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลซึ่งทำให้สามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม แต่ไม่รวมถึงข้อมูลของผู้ถึงแก่กรรมโดยเฉพาะ
  • “บริษัท” หมายความว่า บริษัท นิปปอน เอ็กซ์เพรส เอ็นอีซี ลอจิสติกส์ (ประเทศไทย) จำกัด
  • “ผู้รับเหมา / ผู้รับจ้าง” ซึ่งหมายถึงบุคคลที่เกี่ยวข้องหรือเป็นตัวแทนผู้รับเหมา / ผู้รับจ้าง เช่น ผู้บริหาร กรรมการ พนักงาน ตัวแทนหรือบุคลากรใด ๆ ของลูกค้าซึ่งเป็นนิติบุคคล และให้หมายความรวมถึงผู้ที่ข้อมูลส่วนบุคคล ปรากฎในเอกสารต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการที่เกี่ยวข้อง อาทิ ผู้จัดการ ผู้สั่งซื้อ ผู้รับสินค้า และผู้สั่งจ่ายเช็คเป็นต้น



บริษัทเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ภายใต้ฐานกฎหมายดังต่อไปนี้

  • 1.1 ความจำเป็นในการปฏิบัติตามสัญญา เป็นการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของผู้รับเหมา/ผู้รับจ้าง หรือผู้ที่เกี่ยวข้องกับผู้ที่คาดว่าจะเป็นผู้รับเหมา/ผู้รับจ้างหรือผู้รับเหมา/ผู้รับจ้าง เป็นการจำเป็นเพื่อใช้ในการดำเนินการตามคำขอของผู้รับเหมา/ผู้รับจ้าง หรือบุคคลอื่นใดที่มีลักษณะคล้ายคลึง สำหรับการลงทะเบียนผู้รับเหมา/ผู้รับจ้างรายใหม่หรือการเปิดบัญชีผู้รับเหมา/ผู้รับจ้าง, การเข้าทำสัญญา, การปฏิบัติหน้าที่ตามสัญญาซื้อขายและบริการ, การจัดส่งสินค้า การวางบิล การยืนยันยอดหนี้ค้างชำระ การจัดส่งใบเสร็จรับเงินให้แก่ผู้รับเหมา/ผู้รับจ้าง เป็นต้น

  • 1.2 ความจำเป็นเพื่อการปฏิบัติตามกฎหมาย เพื่อปฏิบัติตามกฎหมายซึ่งบังคับใช้กับบริษัท อาทิ กฎหมายว่าด้วยภาษีอากร บางกรณีอาจขอข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อใช้ในการออกใบกำกับภาษี โดยเป็นไปตามประมวลรัษฎากรและกฎหมายหรือประกาศอื่นที่เกี่ยวข้อง เช่น มาตรา 86/4 ของประมวลรัษฎากร,ประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 199) เป็นต้น กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และคำสั่งโดยชอบ ด้วยกฎหมายของหน่วยงานของรัฐและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง

  • 1.3 ความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย ในกรณีที่ผู้รับเหมา/ผู้รับจ้างหรือผู้ที่เกี่ยวข้องกับผู้ที่คาดว่าจะเป็นผู้รับเหมา/ผู้รับจ้างหรือผู้รับเหมา/ผู้รับจ้างเป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายในการดำเนินธุรกิจของบริษัท เช่นการจัดการบัญชี การตรวจสอบยืนยันตัวตนผู้รับเหมา/ผู้รับจ้าง การบริหารจัดการสัญญา การพิจารณาคุณสมบัติผู้รับเหมา/ผู้รับจ้าง การบริหารจัดการคำสั่งซื้อจากผู้รับเหมา/ผู้รับจ้าง การติดต่อสื่อสารกับผู้รับเหมา/ผู้รับจ้าง การแก้ไขเปลี่ยนแปลงรายละเอียดเกี่ยวกับผู้รับเหมา/ผู้รับจ้าง การร้องเรียน หรือยื่นข้อเสนอแนะจากผู้รับเหมา/ผู้รับจ้าง เพื่อพัฒนาการให้บริการ การตอบข้อซักถาม หรือข้อเสนอแนะ การสอบสวนและ/หรือไต่สวนโดยเจ้าหน้าที่รัฐ การเตรียมคดี การดำเนินคดี และ/หรือการต่อสู้ในชั้นศาล รวมถึงการใช้ภาพบันทึกจากกล้องวงจรปิด (CCTV) เพื่อป้องกันการสูญหาย หรือความเสียหายในทรัพย์สินของบริษัท

  • 1.4 ความจำเป็นในการป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคล การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์ในการตรวจสอบ ดูแล ป้องกัน หรือระงับเหตุการณ์ ใด ๆ ที่อาจเป็นอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคล

บริษัทเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ภายใต้ฐานกฎหมายดังต่อไปนี้

  • 2.1 เพื่อการลงทะเบียนเปิดบัญชีผู้รับเหมา/ผู้รับจ้าง

  • 2.2 เพื่อการดำเนินการเข้าทำสัญญา และการวางหลักประกัน

  • 2.3 เพื่อการบริหารจัดการคำสั่งซื้อจากผู้รับเหมา/ผู้รับจ้าง

  • 2.4 เพื่อการจัดเตรียมสินค้า และ/หรือบริการและดำเนินการอื่นใดที่เกี่ยวข้อง

  • 2.5 เพื่อการดำเนินการแก้ไขเปลี่ยนแปลงรายละเอียดเกี่ยวกับผู้รับเหมา/ผู้รับจ้างในระบบของบริษัท

  • 2.6 เพื่อการรับเรื่องร้องเรียนจากผู้รับเหมา/ผู้รับจ้าง

  • 2.7 เพื่อการประชาสัมพันธ์และเพื่อกิจกรรมทางการตลาดของบริษัท

  • 2.8 เพื่อการติดต่อสื่อสารกับผู้รับเหมา/ผู้รับจ้าง

  • 2.9 เพื่อการปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของบริษัทและคำสั่งโดยชอบด้วยกฎหมายของหน่วยงานของรัฐและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง

  • 2.10 เพื่อการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือยกขึ้นต่อสู้ ซึ่งสิทธิเรียกร้องของบริษัท

  • 2.11 เพื่อการตรวจสอบดูแลความสงบเรียบร้อยและรักษาความปลอดภัยของบุคคล และทรัพย์สินของบริษัท

วิธีที่บริษัทเก็บรวบรวมและรับข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน

  • 3.1 บริษัทเก็บรวบรวมและรับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านผ่านช่องทางต่าง ๆ ดังนี้
    • 3.1.1 ข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านให้ไว้กับบริษัทโดยตรง
      ท่านอาจให้ข้อมูลส่วนบุคคลแก่บริษัทโดยตรง เช่น เมื่อท่านเข้ามาทำสัญญากับบริษัท เมื่อท่านส่งมอบเอกสาร สำเนาเอกสารต่าง ๆ ซึ่งมีข้อมูลส่วนบุคคลปรากฏอยู่มาให้กับบริษัท เมื่อท่านสอบถามข้อมูล ให้ความเห็นหรือคำติชม หรือส่งข้อร้องเรียนต่อบริษัท ทางโทรศัพท์ อีเมล โทรสาร ไปรษณีย์ หรือแอปพลิเคชัน
    • 3.1.2 ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทได้รับจากบุคคลภายนอก
      บริษัทอาจได้รับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านมาจากบุคคลภายนอก เช่น แหล่งข้อมูลสาธารณะ แหล่งข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจของท่าน หรือแหล่งข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจของท่าน หรือแหล่งข้อมูลทางการค้า

  • 3.2 ในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ท่านจะได้รับการแจ้งถึงรายละเอียดต่าง ๆ ตามที่ระบุในประกาศฉบับนี้ ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเฉพาะวัตถุประสงค์และฐานทางกฎหมายในการเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผย และ/หรือประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลใดต้องได้รับความยินยอมจากท่าน บริษัทจะขอความยินยอมโดยชัดแจ้งจากท่าน

  • 3.3 ในกรณีที่บริษัทเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้ก่อนวันที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการเก็บรวบรวม ใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลมีผลบังคับใช้ บริษัทจะเก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านต่อไปตามวัตถุประสงค์เดิมที่บริษัทได้แจ้งไว้แก่ท่าน ซึ่งท่านมีสิทธิยกเลิกความยินยอมโดยติดต่อมายังบริษัท ตามรายละเอียดการติดต่อที่ระบุไว้ในท้ายประกาศฉบับนี้ ทั้งนี้บริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการพิจารณาคำขอยกเลิกความยินยอมของท่านและดำเนินการตามที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด

  • 3.4 ข้อมูลส่วนบุคคลที่ถูกเก็บรวบรวม
    ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่ถูกเก็บรวบรวมและประมวลผลภายใต้ประกาศฉบับนี้ ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านให้ไว้กับบริษัทโดยตรงหรือโดยอ้อม ได้แก่
    • 3.4.1 ข้อมูลส่วนตัว เช่น ชื่อ, นามสกุล, ชื่อเล่น, วัน/เดือน/ปีเกิด, อายุ, เพศ, หมายเลขบัตรประชาชน, รูปถ่าย, ลายมือชื่อ เป็นต้น
    • 3.4.2 ข้อมูลการติดต่อ เช่น สถานที่จัดส่งสินค้า, สถานที่จัดส่งใบแจ้งหนี้, หมายเลขโทรศัพท์, โทรสาร, อีเมล, Line ID และข้อมูลผู้ที่สามารถติดต่อไป เป็นต้น
    • 3.4.3 ข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจของลูกค้า เช่น รายละเอียดเกี่ยวกับโรงงานของลูกค้า (เช่น ชื่อ เลขทะเบียน สถานีที่ตั้ง และข้อมูลการติดต่อ), เลขทะเบียนรถยนต์, และประเภทของรถยนต์ เป๋นต้น
    • 3.4.4 ข้อมูลเกี่ยวกับธุรกรรมการซื้อขาย เช่น รหัสลูกค้า, รายละเอียดการสั่ง (เช่น สินค้าหรือบริการที่ต้องการ จำนวน คุณภาพ) และรายละเอียดการร้องเรียนเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการ (เช่น วันที่สังซื้อสินค้าหรือใช้บริการประเภทสินค้าหรือบริการ สาขาที่เกี่ยวข้องและปัญหาที่เกิดขึ้น) เป็นต้น
    • 3.4.5 ข้อมูลเกี่ยวกับการชำระเงิน เช่น จำนวนเงิน, วงเงินสินเชื่อ, เงื่อนไขการชำระเงิน, เลขที่บัญชี, ข้อมูลส่วนบุคคลที่ปรากฏในใบแจ้งหนี้, ใบกำกับภาษี, ใบเสร็จรับเงิน, ใบสำคัญรับเงิน และใบหักบัญชีเงินฝาก เป็นต้น
    • 3.4.6 ข้อมูลที่ใช้ประกอบเป็นหลักฐานในการลงทะเบียนเป็นลูกค้ากับบริษัท หรือในการทำธุรกรรมต่าง ๆ เช่น ข้อมูลส่วนบุคคลที่ปรากฏในสำเนาบัตรประชาชน, สำเนาหนังสือเดินทาง, สำเนาทะเบียนบ้าน, สำเนาใบเปลี่ยนชื่อ นามสกุล, สำเนาใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงาน, แบบฟอร์มลงทะเบียน, ใบขอเปิดหน้าบัญชีลูกค้า, หนังสือมอบอำนาจ, สำเนาหนังสือรับรองบริษัท, สำเนา ภพ09/20., แผนที่, เอกสารหลักประกัน (หนังสือค้ำประกันโดยธนาคาร (Bank Guarantee) และหนังสือค้ำประกันโดยบุคคล), สัญญาซื้อขาย/บริการหรือสัญญาอื่นใดที่เกี่ยวข้องกับธุรกรรมและใบส่งสินค้า
    • 3.4.7 ข้อมูลอื่น ๆ เช่น บันทึกภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหวผ่านกล้องวงจรปิด (CCTV) ประวัติการฉีดวัคซีน Covid-19 ผลการตรวจ ATK เป็นต้น

วัตถุประสงค์ของการเก็บรวบรวม การใช้ และการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ฐานในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล
การจัดหาสินค้า และ/หรือ บริการ
  • • เพื่อยืนยันตัวตนของท่าน
  • • การขึ้นทะเบียนผู้ขาย / จัดหาสินค้า หรือบริการ
  • • เพื่อตัดสินใจเกี่ยวกับการจัดหาสินค้า และ/หรือ บริการกับท่าน
  • • เพื่อสื่อสารกับท่านเกี่ยวกับสินค้า และ/หรือ บริการ
  • • เพื่อชำระเงิน และบริหารจัดการค่าใช้จ่ายที่ถึงกำหนด เรียกเก็บเงินหรือจ่ายเงิน รวมถึงวัตถุประสงค์ทางบัญชีและการจัดการทางบัญชี การสอบบัญชีของบริษัท หรือกรณีการติดตามทวงหนี้
  • • เพื่อการขนส่งสินค้า
  • • เพื่อเรียกรับสินค้า และ/หรือ บริการจากท่าน
  • • เพื่อระบุประเด็นปัญหาที่เกี่ยวข้องกับสินค้าและบริการที่มีอยู่
  • • เพื่อดำเนินการอันจำเป็นเพื่อให้ท่านสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ เช่น การจัดทำบัตรเข้าออกสถานที่
  • • เพื่อปฏิบัติตามคำร้องขอตามสิทธิที่ท่านมีต่อข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่อยู่ในความครอบครองของบริษัท
  • • เพื่อการประเมินผลการปฏิบัติงาน การรายงานภายใน การรายงานภายใน การวิเคราะห์ข้อมูล และการจัดการงานในการจ้างตามสัญญา
  • • เพื่อการตรวจสอบกิจการภายในของบริษัท
  • • เพื่อการปฏิบัติตามกฎระเบียบ และการตรวจสอบธุรกิจของบริษัทฯ ทั้งภายในและภายนอก
  • • เพื่อจัดการกับข้อพิพาททางกฎหมาย
  • • ฐานการปฏิบัติตามสัญญา
  • • ฐานหน้าที่ตามกฎหมาย
  • • ฐานประโยชน์อันชอบธรรม
ความสัมพันธ์ทางธุรกิจ
  • • เพื่อกระบวนการคัดเลือกผู้ขาย หรือผู้ให้บริการ
  • • เพื่อบริหารความสัมพันธ์ระหว่างบริษัทฯ และท่าน หรือธุรกิจของท่าน
  • • เพื่อรักษา และทำให้ข้อมูลการติดต่อเป็นปัจจุบัน
  • • เพื่อการรับแจ้งข้อร้องเรียนจากผู้ขาย
  • • เพื่อตอบข้อร้องเรียน และหาแนวทางในการเยียวยาให้กับท่าน
  • • เพื่อดำเนินการตามคำร้องขอของท่านที่เกี่ยวข้องกับการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทน
  • • ฐานการปฏิบัติตามสัญญา
  • • ฐานประโยชน์อันชอบธรรม
การพัฒนาธุรกิจ
  • • เพื่อวางแผนการพัฒนาสินค้า และบริการที่มีอยู่
  • • ฐานประโยชน์อันชอบธรรม
การบริหารความมั่นคง ความปลอดภัย และความเสี่ยง
  • • เพื่อการบริหารจัดการความปลอดภัยของบริษัทฯ เช่น ผลการตรวจสุขภาพ ผล ATK ประวัติการฉีดวัคซีน Covid-19 การตรวจสอบสารเสพติด การตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์ของบุคลากรของผู้รับเหมา ผู้รับเหมา/ผู้รับจ้าง หรือผู้ให้บริการ
  • • ฐานความยินยอม
  • • ฐานประโยชน์อันชอบธรรม
  • • เพื่อป้องกันอาชญากรรม และบริหารจัดการความปลอดภัยของบริษัทฯ เช่น ติดตั้งกล้องวงจรปิดภายใน และโดยรอบบริษัทฯ ซึ่งอาจมีการเก็บภาพ ภาพเคลื่อนไหว และเสียง ของท่านการแลกบัตรผ่านเข้าออก
  • • เพื่อจัดให้มีการอบรมให้ผู้รับเหมา/ผู้รับจ้าง ในกรณีที่จำเป็นเพื่อรักษาและส่งเสริมการดำเนินการโดยปลอดภัย การฝึกอบรมให้กับผู้รับเหมา/ผู้รับจ้าง หรือผู้ให้บริการตามข้อกำหนดของกฎหมาย
  • • เพื่อบริหารความเสี่ยงของบริษัท และลูกค้าของบริษัท
  • • เพื่อจัดเก็บเอกสารสำหรับตรวจสอบ อ้างอิง
  • • เพื่อสืบหา ตรวจสอบ รายงาน และแสวงหาแนวทางในการป้องกันอาชญากรรมทางการเงิน
  • • เพื่อตรวจสอบกิจการภายในของบริษัท
  • • เพื่อปฏิบัติตามกฎหมาย และกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง
  • • ฐานหน้าที่ตามกฎหมาย
  • • ฐานประโยชน์อันชอบธรรม
  • เนื่องจากข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่บริษัทจะดำเนินการประมวลผลเพื่อวัตถุประสงค์ที่กำหนดตามข้อ 3.4.1 ข้างต้นในส่วนที่มีความเกี่ยวเนื่องกับการปฏิบัติตามกฎหมายหรือสัญญาหรือมีความจำเป็นเพื่อเข้าทำสัญญากับท่าน เป็นข้อมูลที่จำเป็นต่อการบรรลุวัตถุประสงค์ดังกล่าว หากท่านไม่ประสงค์ที่จะให้ข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวแก่บริษัท อาจมีผลกระทบทางกฎหมาย หรืออาจทำให้บริษัทไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ภายใต้สัญญาที่ได้ทำกับท่าน หรือไม่สามารถเข้าทำสัญญากับท่านได้ (แล้วแต่กรณี) ในกรณีดังกล่าว บริษัทอาจมีความจำเป็นต้องปฏิเสธการเข้าทำสัญญากับท่าน หรือยกเลิกการซื้อขายหรือการให้บริการที่เกี่ยวข้องกับท่าน ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน

  • ในกรณีที่บริษัทจะดำเนินการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในลักษณะ และ/หรือเพื่อวัตถุประสงค์ ที่ไม่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ที่ระบุไว้ข้างต้น บริษัทจะจัดให้มีนโยบายหรือประกาศเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลเพิ่มเติม และ/หรือมีหนังสือไปยังท่านเพื่ออธิบายการประมวลผลในข้อมูลลักษณะดังกล่าว โดยท่านควรอ่านนโยบาย หรือประกาศเพิ่มเติมที่เกี่ยวข้องร่วมกับประกาศฉบับนี้ และ/หรือหนังสือดังกล่าว (แล้วแต่กรณี)

บริษัทอาจเปิดเผยหรือส่งต่อข้อมูลส่วนบุคคลของท่านภายใต้วัตถุประสงค์ที่กำหนดและตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนดให้แก่บุคคลและหน่วยงานดังต่อไปนี้

  • 4.1 การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลให้แก่บุคคลอื่น
    • • บุคคลหรือหน่วยงานต่าง ๆ ภายในบริษัท ทั้งนี้ให้หมายความรวมถึง ผู้บริหาร ผู้บังคับบัญชา หัวหน้างาน พนักงาน ลูกจ้าง และผู้ปฏิบัติงานภายในของบริษัทดังกล่าวที่เกี่ยวข้อง และตามความจำเป็นเพื่อการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
    • • คู่ค้าทางธุรกิจ ผู้ให้บริการ และผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทมอบหมายว่าจ้างให้ทำหน้าที่บริหารจัดการ/ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลให้แก่บริษัทในการให้บริการต่าง ๆ การให้บริการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ บริการชำระเงิน บริการส่งไปรษณีย์ บริการจัดพิมพ์ บริการประกันภัย บริการวิเคราะห์ข้อมูล บริการทำวิจัย การทำการตลาด หรือบริการอื่นใดที่อาจเป็นประโยชน์ต่อท่าน หรือเกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจของบริษัท อาทิ ธนาคารพาณิชย์
    • • บุคคล หรือบริษัทใด ๆ ซึ่งเกี่ยวข้องกับการปรับโครงสร้างบริษัท การควบรวมกิจการ หรือเข้าถือครองกิจการที่เกิดขึ้นหรืออาจเกิดขึ้น โดยรวมถึงการโอนสิทธิ หรือหน้าที่ใด ๆ ซึ่งบริษัทมีอยู่ภายใต้สัญญาระหว่างบริษัทและท่าน
    • • หน่วยงานที่บังคับใช้กฎหมาย รัฐบาล ศาล หน่วยงานระงับข้อพิพาท ผู้มีอำนาจควบคุมของบริษัท ผู้ตรวจสอบบัญชี ที่ปรึกษากฎหมาย และบุคคลใด ๆ ซึ่งแต่งตั้ง หรือร้องขอโดยผู้มีอำนาจควบคุมของบริษัท ให้ทำการตรวจสอบกิจกรรมการดำเนินงานของบริษัท
    • • หน่วยงานของรัฐที่มีหน้าที่กำกับดูแลตามกฎหมาย หรือที่ร้องขอให้เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยอาศัยอำนาจตามกฎหมายหรือที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการทางกฎหมาย หรือที่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมสรรพากร กรมโรงงานอุตสาหกรรม กระทรวงพาณิชย์ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ศาล และกรมบังคับคดี
    • • บุคคลอื่นใดซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับข้อพิพาทใด ๆ ที่เกิดขึ้น รวมถึงข้อพิพาทที่เกี่ยวข้องกับการทำธุรกรรม
    • • หน่วยงานป้องกันการทุจริตซึ่งใช้ข้อมูลดังกล่าวเพื่อสืบหา และป้องกันการทุจริต และอาชญากรรมทางการเงินอื่น ๆ
    • • บุคคลใด ๆ ที่ออกคำสั่ง หรือบริหารจัดการบัญชีของท่าน สินค้า หรือบริการในนามของท่าน (เช่น ผู้รับมอบอำนาจ ทนายความ เป็นต้น) และ/หรือบุคคลใด ๆ ที่บริษัทได้รับคำสั่งจากท่านให้เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้กับบุคคลดังกล่าว

  • 4.2 การส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปยังต่างประเทศ
    • บริษัทอาจต้องส่ง หรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังต่างประเทศ เพื่อจัดเก็บ และ/หรือ ประมวลผลในการปฏิบัติตามสัญญาที่ทำขึ้นระหว่างท่าน และบริษัทฯ โดยบริษัทจะไม่อนุญาตให้บุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าว และจะกำหนดให้มีมาตรการรักษาความปลอดภัยที่เหมาะสมเพื่อปฏิบัติตามมาตรฐานและหน้าที่ การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลตามที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด

  • 4.3 การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้กับบุคคลอื่น จะดำเนินการภายใต้วัตถุประสงค์ที่กำหนด หรือวัตถุประสงค์อื่นที่กฎหมายกำหนดให้กระทำเท่านั้น ในกรณีที่กฎหมายกำหนดว่าต้องได้รับความยินยอมจากท่าน บริษัทจะขอความยินยอมจากท่านก่อน

พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอยู่ในความควบคุมของท่านได้มากขึ้น โดยท่านสามารถใช้สิทธิตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 เมื่อบทบัญญัติในส่วนที่เกี่ยวกับสิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีผลใช้บังคับ ซึ่งมีรายละเอียดดังต่อไปนี้

  • 5.1 สิทธิในการขอเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิขอเข้าถึง รับสำเนาและขอให้เปิดเผยที่มาของข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทเก็บรวบรวมไว้โดยปราศจากความยินยอมของท่าน เว้นแต่กรณีที่บริษัทมีสิทธิปฏิเสธคำขอของท่านด้วยเหตุตามกฎหมายหรือคำสั่งศาล หรือกรณีที่การใช้สิทธิของท่านจะมีผลกระทบที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อสิทธิและเสรีภาพของบุคคลอื่น

  • 5.2 สิทธิในการขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลให้ถูกต้อง สมบูรณ์และเป็นปัจจุบัน หากท่านพบว่าข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไม่ถูกต้อง ไม่ครบถ้วนหรือไม่เป็นปัจจุบัน ท่านมีสิทธิขอให้แก้ไขเพื่อให้มีความถูกต้อง เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิดได้

  • 5.3 สิทธิในการลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิขอให้บริษัทลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไม่สามารถระบุตัวบุคคลที่เป็นเจ้าของข้อมูลได้ต่อไป ทั้งนี้การใช้สิทธิลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลนี้จะต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขตามที่กฎหมายกำหนด

  • 5.4 สิทธิในการขอให้ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิขอให้ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ทั้งนี้ ในกรณีดังต่อไปนี้
    • 5.4.1 เมื่ออยู่ในช่วงเวลาที่บริษัททำการตรวจสอบตามคำร้องขอของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลให้แก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลให้ถูกต้อง สมบูรณ์และเป็นปัจจุบัน
    • 5.4.2 ข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลถูกเก็บรวบรวม ใช้หรือเปิดเผยโดยมิชอบด้วยกฎหมาย
    • 5.4.3 เมื่อข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลหมดความจำเป็นในการเก็บรักษาไว้ตามวัตถุประสงค์ที่บริษัทได้แจ้งในการเก็บรวบรวม แต่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลประสงค์ให้บริษัทเก็บรักษาข้อมูลนั้นต่อไปเพื่อประกอบการใช้สิทธิตามกฎหมาย
    • 5.4.4 เมื่ออยู่ในช่วงเวลาที่บริษัทกำลังพิสูจน์ถึงเหตุอันชอบด้วยกฎหมายในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล หรือตรวจสอบความจำเป็นในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อประโยชน์สาธารณะ อันเนื่องมาจากการที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ใช้สิทธิคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

  • 5.5 สิทธิในการคัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับท่าน เว้นแต่กรณีที่บริษัทมีเหตุในการปฏิเสธคำขอโดยชอบด้วยกฎหมาย (เช่น บริษัทสามารถแสดงให้เห็นว่าการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านมีเหตุอันชอบด้วยกฎหมายยิ่งกว่า หรือเพื่อการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องทางกฎหมาย หรือเพื่อประโยชน์สาธารณะของบริษัท)

  • 5.6 สิทธิในการขอถอนความยินยอม ในกรณีที่ท่านได้ให้ความยินยอมแก่บริษัท ในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล (ไม่ว่าความยินยอมนั้นจะได้ให้ไว้ก่อนหรือหลังพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 มีผลใช้บังคับ) ท่านมีสิทธิถอนความยินยอมเมื่อใดก็ได้ตลอดระยะเวลาที่ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านถูกเก็บรักษาโดยบริษัท เว้นแต่มีข้อจำกัดสิทธิโดยกฎหมายให้บริษัทจำเป็นต้องเก็บรักษาข้อมูลต่อไปหรือยังคงมีสัญญาระหว่างท่านกับบริษัทที่ให้ประโยชน์แก่ท่านอยู่

  • 5.7 สิทธิในการขอรับ ส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิในการขอรับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจากบริษัท ในรูปแบบที่สามารถอ่านหรือใช้งานโดยทั่วไปได้ด้วยเครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่ทำงานได้โดยอัตโนมัติและสามารถใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลได้โดยวิธีการอัตโนมัติ รวมถึงอาจขอให้ ริษัทส่งหรือโอนข้อมูลในรูปแบบดังกล่าวไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลรายอื่น ทั้งนี้ การใช้สิทธินี้จะต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขตามที่กฎหมายกำหนด

  • 5.8 สิทธิในการยื่นข้อร้องเรียน ท่านมีสิทธิยื่นข้อร้องเรียนต่อหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง รวมไปถึงคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลในกรณีที่ท่านเห็นว่าบริษัทหรือพนักงานของบริษัท หรือผู้ให้บริการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามพ.ร.บ.ฯ หรือประกาศอื่น ๆ ที่ออกโดยอาศัยอำนาจตามพ.ร.บ.ฯ ดังกล่าว

  • บริษัทจะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้ตราบเท่าที่จำเป็น เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม และประมวลผลข้อมูลดังกล่าว โดยระยะเวลาในการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลจะเปลี่ยนแปลงไปโดยขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ที่กำหนดในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลนั้น ๆ นอกจากนี้บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลเป็นระยะเวลาที่กฎหมายที่เกี่ยวข้องกำหนด (ถ้ามี) โดยคำนึงถึงอายุความตามกฎหมายสำหรับดำเนินคดีที่อาจเกิดขึ้นจากหรือเกี่ยวข้องกับเอกสารหรือข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทเก็บรวบรวมไว้ในแต่ละรายการ และโดยคำนึงถึงแนวปฏิบัติของบริษัทและของภาคธุรกิจที่เกี่ยวข้องสำหรับข้อมูลส่วนบุคคลแต่ละประเภทเป็นสำคัญ

  • ทั้งนี้ บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นระยะเวลา 10 ปี นับแต่วันที่นิติสัมพันธ์ระหว่างท่านกับบริษัทสิ้นสุดลง บริษัทอาจเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นระยะเวลาเกินกว่าระยะดังกล่าวหากกฎหมายอนุญาต หรือการเก็บรักษาข้อมูลดังกล่าวจำเป็นต่อการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องทางกฎหมายของบริษัท

  • หลังครบกำหนดระยะเวลาดังกล่าวข้างต้น บริษัทจะลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าว จากการเก็บหรือระบบของบริษัท และของบุคคลอื่นซึ่งให้บริการแก่บริษัท (ถ้ามี) ท่านสามารถติดต่อมายังบริษัทตามรายละเอียดการติดต่อที่ระบุไว้ในท้ายประกาศนี้

  • บริษัทมีมาตรการในการรักษาความมั่นคงปลอดภัยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอย่างเหมาะสม ทั้งในเชิงเทคนิคและการบริหารจัดการ เพื่อป้องกันมิให้ข้อมูลสูญหาย หรือมีการเข้าถึง ทำลาย ใช้ เปลี่ยนแปลง แก้ไข หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายและแนวปฏิบัติด้านความมั่นคงปลอดภัยสารสนเทศ (Information Security Policy) ของบริษัท

  • นอกจากนี้ บริษัทได้กำหนดให้มีนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Policy) ขึ้นโดยประกาศให้ทราบกันโดยทั่วทั้งองค์กร พร้อมแนวทางปฏิบัติเพื่อให้เกิดความมั่นคงปลอดภัยในการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล โดยธำรงไว้ซึ่งความเป็นความลับ (Confidentiality) ความถูกต้องครบถ้วน (Integrity) และสภาพพร้อมใช้งาน (Availability) ของข้อมูลส่วนบุคคล โดยได้จัดให้มีการทบทวนนโยบายดังกล่าวรวมถึงประกาศนี้ในระยะเวลาตามที่เหมาะสม

  • บริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเมื่อได้รับคำร้องขอจากท่าน ผู้สืบสิทธิ์ ทายาท ผู้แทนโดยชอบธรรม หรือผู้อนุบาลหรือผู้พิทักษ์ตามกฎหมายของท่าน โดยส่งคำร้องขอผ่านสำนักงานใหญ่ หรือ อีเมล : necpdpa@nipponexpress-necl.co.th

  • ในกรณีที่ท่าน ผู้สืบสิทธิ์ ทายาท ผู้แทนโดยชอบธรรม หรือผู้อนุบาลหรือผู้พิทักษ์ตามกฎหมายมีการคัดค้าน การจัดเก็บ ความถูกต้อง หรือการกระทำใด ๆ เช่น การแจ้งดำเนินการปรับปรุงแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคล บริษัทจะดำเนินการบันทึกหลักฐานคำคัดค้านดังกล่าวไว้เป็นหลักฐานด้วย

  • ทั้งนี้ บริษัทอาจปฏิเสธสิทธิตามวรรคสองได้ในกรณีที่มีกฎหมายกำหนด หรือในกรณีที่ข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ถูกทำให้ไม่ปรากฏชื่อหรือสิ่งบอกลักษณะอันสามารถระบุตัวท่านได้

  • บริษัทได้กำหนดให้พนักงาน เจ้าหน้าที่และบุคคลเฉพาะผู้ที่มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวข้องในการจัดเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของกิจกรรมการประมวลผลนี้เท่านั้นที่จะสามารถเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านได้ โดยองค์กรจะดำเนินการให้เจ้าหน้าที่และบุคคลดังกล่าวปฏิบัติตามประกาศนี้อย่างเคร่งครัด

  • บริษัทอาจพิจารณาปรับปรุง แก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงประกาศนี้ตามที่เห็นสมควร และจะทำการแจ้งให้ท่านทราบผ่านการแจ้งทางอีเมล ประกาศใน www.nipponexpress-necl.co.th โดยมีวันที่ของเวอร์ชันล่าสุดกำกับอยู่ตอนท้าย อย่างไรก็ดี บริษัทขอแนะนำให้ท่านโปรดตรวจสอบเพื่อรับทราบประกาศฉบับใหม่อย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะก่อนที่ท่านจะทำการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

หากท่านมีความประสงค์ที่จะใช้สิทธิของท่านที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หรือหากท่านมีข้อสงสัยเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านภายใต้ประกาศความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ โปรดติดต่อ

  • บริษัท นิปปอน เอ็กซ์เพรส เอ็นอีซี ลอจิสติกส์ (ประเทศไทย) จำกัด
  • ที่อยู่ เลขที่ 52 ชั้น 12 อาคารธนิยะพลาซ่า แขวงสุริยวงศ์ เขตบางรัก กรุงเทพมหานคร 10500
  • อีเมล : necpdpa@nipponexpress-necl.co.th
  • เบอร์โทร : 02-2381370
ประกาศ ณ วันที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2565